รูปแบบในการต่อเติมชั้นลอยด้วยวิธีก่อน
1.ชั้นลอยเหล็ก
วิธีนี้ก่อสร้างด้วยวิธีการเชื่อมเหล็กเข้ากับตัวโครงอาคารเดิม
ซึ่งน้ำหนักทั้งหมดนั้นจะถูกถ่ายเทไปยังโครงสร้างอาคาร ผู้รับเหมาส่วนใหญ่แล้วจะก่อสร้างโดยดูจากขนาดของพื้นที่
หรือตามความต้องการของลูกค้า โดยมิได้คำนึงถึงหลักการคำนวณการรับน้ำหนักโครงสร้าง
เช่น เหล็กที่ใช้เป็นขนาดใด และสามารถลองรับน้ำหนักได้มากแค่ไหน
เพียงแค่ทำตามความเหมาะสมและงบประมาณของผู้ว่าจ้างเท่านั้น ซึ่งการมองข้ามความปลอดภัยในจุดนี้อาจก่อให้เกิดความเสียหายในวันข้างหน้าได้
2.ชั้นลอยคานปูน
วิธีการนี้ก่อสร้างโดยการใช้คานปูนสำเร็จรูป
มาวางไว้บนโครงสร้างอาคารเดิม ซึ่งวิธีนี้ไม่ได้แตกต่างอะไรกับการเชื่อมเหล็ก
ถึงแม้ตัวคานจะมีความแข็งแรงก็ตาม แต่ด้วยน้ำหนักของตัวมันเองแล้วซึ่งมีน้ำหนักมาก
จึงมีความเสี่ยงที่น้ำหนักทั้งหมดนั้นจะตกไปอยู่กับโครงสร้างเดิมของอาคาร
ซึ่งวิธีนี้จะไม่สามารถรับรองทั้งในเรื่องการรับน้ำหนักของตัวอาคารและความปลอดภัยได้เลย
ซึ่งผลกระทบของทั้งสองวิธีนั้นอาจทำให้เกิดอันตรายได้ทั้งกับตัวอาคารและผู้อยู้อาศัย ส่วนในทางกฎหมายนั้นจะต้องได้รับรองการก่อสร้างจากวิศวกรเท่านั้น เพราะถ้าเกิดความเสียกับเพื่อนบ้านข้างเคียงแล้ว หากเกิดการฟ้องร้องขึ้น ท่านจะต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นแต่เพียงผู้เดียว…..
![]() |
ผลกระทบจากการที่ไม่ได้คำนวณการรับน้ำหนักของโครงสร้างอาคาร |
ดังนั้น ทางเราจึงได้เล็งเห็นถึงปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นทั้งในเรื่องของความปลอดภัยของอาคารและผู้อยู่อาศัย รวมถึงพื้นที่ใช้สอยต่างๆที่ก่อสร้างขึ้นด้วย จึงได้นำเอาวิวัฒาการใหม่เข้ามาปรับใช้กับของเดิม โดยการนำระบบการก่อสร้างแบบ น๊อคดาวน์ มาใช้กับอาคารพาณิชย์
รูปแบบและวิธีการติดตั้งชั้นลอยระบบน๊อคดาวน์
ที่จะนำมาประกอบโครงสร้าง
2. ทำการติดตั้งโดยเริ่มจากการวางโครงสร้างเสาหลักเพื่อให้ได้รูปร่างของโครงสร้างที่ต่อเติม
และได้แนวเป็นแนวเดียวกัน ช่องห่างแต่ละจุดของโครงสร้างจะเท่ากัน โดยการใช้น็อตเป็นจุดเชื่อมต่อ
ได้อีกเช่น ปูพื้นด้วยกระเบื้องยาง ปูพื้นด้วยแผ่นลามิเนต เป็นต้น
ข้อดีของชั้นลอยน๊อคดาวน์
1. การติดตั้งจะไม่ข้องเกี่ยวกับโครงสร้างเดิมของอาคาร(ไม่เจาะหรือยึดน็อตกับโครงสร้างอาคาร)
2. การติดตั้งใช้น๊อตในการยึดโครงสร้างจะไม่ใช้เครื่องเชื่อม จึงไม่ทำให้เกิดประกายไฟ
เพราะอาจมีความเสี่ยงเกิดความเสียหายได้
3. การติดตั้งทั้งหมด จะไม่ใช้ซีเมนต์
หรือเครื่องมือต่างๆที่ทำให้เกิดความยุ่งยากหรือความเสียหายต่อตัวอาคาร
4. ระยะเวลาติดตั้งใช้เวลาเพียง 1-2 วันเท่านั้น (ขึ้นอยู่กับขนาดของพื้นที่และการปูพื้น)
5. ไม่จำเป็นต้องเคลียร์พื้นที่ให้โล่งทั้งหมดในวันติดตั้ง
ศึกษาข้อมูลการรับรองการก่อสร้างเพิ่มเติม
http://download.asa.or.th/03media/04law/cba/mr/mr28-11r.pdf

www.akaraproducts.com